บางคนบอกว่าวิญญาณของตัวเองลอยออกจากร่าง หลายคนเห็นอุโมงค์สว่าง หรือรู้สึกสุขสงบอย่างประหลาด กระนั้น นักวิจัยบอกว่านั่นไม่ใช่ประสบการณ์ของชีวิตหลังความตาย หรือประสบการณ์ใกล้หมดลม แต่เป็นแค่กระแสไฟฟ้าระลอกสุดท้ายในสมองที่กำลังจะหมดอายุขัยเท่านั้น
ดร.ลักษมี ชอว์ลา จากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันในสหรัฐฯ เชื่อว่าประสบการณ์ใกล้ตายเกิดจากแรงกระตุ้นไฟฟ้าครั้งสุดท้ายเนื่องจากสมองขาดออกซิเจนและการไหลเวียนของเลือดลดต่ำ ที่เริ่มต้นจากส่วนหนึ่งของสมองและแผ่ไปยังส่วนอื่นๆ
ดร.ชอว์ลาตรวจสอบกิจกรรมในสมองของผู้ป่วยหนัก 7 คนเพื่อให้แน่ใจว่ายาระงับปวดที่ให้ไปออกฤทธิ์
รายงานที่อยู่ในเจอร์นัล ออฟ พัลลิเอทีฟ เมดิซินเผยว่า ในผู้ป่วยแต่ละราย กิจกรรมของสมองที่ค่อยๆ ช้าลงในชั่วโมงสุดท้ายก่อนเสียชีวิตจะถูกขัดจังหวะด้วยกิจกรรมที่เร็วขึ้นช่วงสั้นๆ ระหว่าง 30 วินาทีถึง 3 นาที ซึ่งปรากฏการณ์นี้พบในผู้ที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเช่นเดียวกัน แม้ระดับความดันโลหิตลดต่ำจนไม่สามารถตรวจพบก็ตาม และปรากฏการณ์นี้อาจทำให้เกิดภาพและความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้นในสมอง
งานวิจัยที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสองเดือนที่แล้วให้คำอธิบายประสบการณ์ของคนใกล้ตายว่า เป็นผลจากการที่คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดลดต่ำ ส่งผลต่อสมดุลเคมีในสมองและทำให้เกิดภาพต่างๆ
งานศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า ผู้ป่วยที่หัวใจวายเกือบ 1 ใน 5 ที่รอดชีวิต บอกว่ามีประสบการณ์ใกล้ตาย ซึ่งรวมถึงการเห็นวิญญาณของตัวเองลอยขึ้นเหนือร่าง ความรู้สึกสุขสงบ มองเห็นอุโมงค์ที่มีแสงสว่าง เห็นญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นต้น
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาธ์แทมป์ตัน อังกฤษ พยายามค้นหาว่าประสบการณ์ดังกล่าวมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ โดยการสอบถามผู้ป่วยหัวใจวาย 1,500 คนเกี่ยวกับความทรงจำหลังจากหัวใจหยุดเต้น
ในการทดสอบหนึ่ง นักวิจัยติดภาพที่สามารถมองเห็นได้จากด้านบนเท่านั้นไว้บนชั้นสูงในห้องกู้ชีพในโรงพยาบาล 25 แห่งในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ซึ่งหากผู้ป่วยจำภาพได้ หมายความว่าเกิดประสบการณ์วิญญาณออกจากร่างจริง
“เรามองว่าความตายเป็นเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นกระบวนการที่การแพทย์สมัยใหม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“การเสียชีวิตเกิดขึ้นเมื่อหัวใจหยุดเต้น แต่เราสามารถแทรกแซงและทำให้คนๆ นั้นฟื้นคืนสติได้ใหม่ แม้บางครั้งผ่านไป 3-4 ชั่วโมง
“เป็นไปได้ว่ามีคนมากมายมีประสบการณ์เฉียดตายแต่จำไม่ได้”
ดร.ชอว์ลาทิ้งท้ายว่า เนื่องจากผู้ป่วยทุกรายเสียชีวิตหมด จึงไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นพบประสบการณ์ใดบ้างก่อนตาย
ที่มา http://technoforlife.ning.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น