หลังจากที่มีต้นแบบหลุดออกมาสักระยะหนึ่งจนให้เราถกเถียงกันไปต่างๆนานา ตั้งแต่เป็นต้นแบบ iPhone 4G จริงหรือเปล่า ไปจนถึง Apple ตั้งใจปล่อยต้นแบบหลุดออกมาเองหรือเปล่า ในที่สุด Apple ก็เปิดตัว iPhone 4G ออกมาอย่างเป็นทางการเสียที โดยใช้ชื่อเรียกว่า iPhone 4 ซึ่งดูจากหน้าตา iPhone 4 ตัวจริงแล้วหน้าตาก็ใกล้เคียงกับต้นแบบที่หลุดออกมามากครับ
มาดูสเป็คคร่าวๆกันว่ามีอะไรบ้างครับ ฟังก์ชั่นใหม่ที่มีเข้ามาก็คือ FaceTime หรือการใช้งาน Video Call ที่สามารถใช้กล้องทั้งด้านหน้า และกล้องด้านหลังในการพูดคุยได้ และเหมือนว่าจะใช้งานคุยกับ iPhone ด้วยกันผ่านทาง Wi-Fi ได้อีกด้วย, Retina Display หน้าจอแสดงผล LCD ความละเอียดสูง 960×640พิกเซล ที่แสดงภาพที่ความละเอียด 326พิกเซลต่อตารางนิ้ว หรือมากกว่า iPhone 3G ถึง4เท่าตัว และมี contrast ratio 800:1 ทำให้มีภาพที่คมชัดมาก และสีสันสดใสตามสไตล์ Apple ซึ่ง Steve Jobs กล่าวว่าสามารถแสดงผลได้ดีกว่าความสามารถของประสาทตาของมนุษย์จะรับรู้ได้(อะไรจะขนาดนั้น), รองรับการทำงานแบบมัลติแทสกิ้ง สามารถเปิดใช้งานโปรแกรมเป็นแบ็คกราวนด์ได้โดยที่โปรแกรมใช้งานปรกติไม่ช้าลงไป, บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงได้จากกล้องในตัวขนาด 5ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED และตัดต่อวิดีโอได้ด้วย iMovie App(โปรแกรมนี้ขายในราคา 4.99ดอลลาร์)
ตัวเครื่องปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ครับหน้าตาเหมือนต้นแบบที่หลุดออกมา ด้านหน้าเป็นกระจกพิเศษที่มีความแข็งทนแรงกระแทกได้สูง ส่วนขอบด้านข้างเป็นสเตนเลสกัดขึ้นรูปโดยเครื่อง CNC เพื่อความแข็งแกร่ง และใช้เป็นเสาอากาศของ iPhone 4, ส่วนนอกเหนือจาก accelerometer แล้วยังมาการเพิ่ม gyro แบบ 3แกนเข้าไปทำให้สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ละเอียด และหลากหลายมากขึ้น ซึ่งก็มีผลให้การควบคุมใช้งาน app ต่างๆหรือเล่นเกมก็ทำได้หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน, มีการติดตั้งไมค์เข้าไป 2ชุดเพื่อใช้ในการตัดเสียงรบกวนระหว่างคุยโทรศัพท์ และใช้ในการทำ Video Call ด้วย
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้งานได้นานขึ้น สนทนาต่อเนื่องได้ 7 ชั่วโมงบนเครือข่าย 3G, เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G ได้นาน 6ชั่วโมง ผ่าน Wi-Fi ได้ 10ชั่วโมง, ดูวิดีโอได้นาน 10ชั่วโมง, ฟังเพลงต่อเนื่อง 40ชั่วโมง และเปิด stand by ทิ้งไว้ได้ 300ชั่วโมง
โดย Apple จะเริ่มส่งจำหน่าย iPhone 4 ในวันที่ 24มิถุนายนนี้โดยจะเริ่มเปิดรับสั่งจองตั้งแต่วันที่ 15มิถุนายน ส่วนราคาจำหน่ายนั้นจะเป็น 199ดอลลาร์สหรัฐฯสำหรับรุ่นความจุ 16GB และ 299ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่นความจุ 32GB และจะมีเครื่องให้เลือกซื้อทั้งสีดำและขาว
สเป็คโดยละเอียดดูได้ที่ http://www.apple.com/iphone/specs.html
มาดูสเป็คคร่าวๆกันว่ามีอะไรบ้างครับ ฟังก์ชั่นใหม่ที่มีเข้ามาก็คือ FaceTime หรือการใช้งาน Video Call ที่สามารถใช้กล้องทั้งด้านหน้า และกล้องด้านหลังในการพูดคุยได้ และเหมือนว่าจะใช้งานคุยกับ iPhone ด้วยกันผ่านทาง Wi-Fi ได้อีกด้วย, Retina Display หน้าจอแสดงผล LCD ความละเอียดสูง 960×640พิกเซล ที่แสดงภาพที่ความละเอียด 326พิกเซลต่อตารางนิ้ว หรือมากกว่า iPhone 3G ถึง4เท่าตัว และมี contrast ratio 800:1 ทำให้มีภาพที่คมชัดมาก และสีสันสดใสตามสไตล์ Apple ซึ่ง Steve Jobs กล่าวว่าสามารถแสดงผลได้ดีกว่าความสามารถของประสาทตาของมนุษย์จะรับรู้ได้(อะไรจะขนาดนั้น), รองรับการทำงานแบบมัลติแทสกิ้ง สามารถเปิดใช้งานโปรแกรมเป็นแบ็คกราวนด์ได้โดยที่โปรแกรมใช้งานปรกติไม่ช้าลงไป, บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงได้จากกล้องในตัวขนาด 5ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED และตัดต่อวิดีโอได้ด้วย iMovie App(โปรแกรมนี้ขายในราคา 4.99ดอลลาร์)
ตัวเครื่องปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ครับหน้าตาเหมือนต้นแบบที่หลุดออกมา ด้านหน้าเป็นกระจกพิเศษที่มีความแข็งทนแรงกระแทกได้สูง ส่วนขอบด้านข้างเป็นสเตนเลสกัดขึ้นรูปโดยเครื่อง CNC เพื่อความแข็งแกร่ง และใช้เป็นเสาอากาศของ iPhone 4, ส่วนนอกเหนือจาก accelerometer แล้วยังมาการเพิ่ม gyro แบบ 3แกนเข้าไปทำให้สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ละเอียด และหลากหลายมากขึ้น ซึ่งก็มีผลให้การควบคุมใช้งาน app ต่างๆหรือเล่นเกมก็ทำได้หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน, มีการติดตั้งไมค์เข้าไป 2ชุดเพื่อใช้ในการตัดเสียงรบกวนระหว่างคุยโทรศัพท์ และใช้ในการทำ Video Call ด้วย
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใช้งานได้นานขึ้น สนทนาต่อเนื่องได้ 7 ชั่วโมงบนเครือข่าย 3G, เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G ได้นาน 6ชั่วโมง ผ่าน Wi-Fi ได้ 10ชั่วโมง, ดูวิดีโอได้นาน 10ชั่วโมง, ฟังเพลงต่อเนื่อง 40ชั่วโมง และเปิด stand by ทิ้งไว้ได้ 300ชั่วโมง
โดย Apple จะเริ่มส่งจำหน่าย iPhone 4 ในวันที่ 24มิถุนายนนี้โดยจะเริ่มเปิดรับสั่งจองตั้งแต่วันที่ 15มิถุนายน ส่วนราคาจำหน่ายนั้นจะเป็น 199ดอลลาร์สหรัฐฯสำหรับรุ่นความจุ 16GB และ 299ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่นความจุ 32GB และจะมีเครื่องให้เลือกซื้อทั้งสีดำและขาว
สเป็คโดยละเอียดดูได้ที่ http://www.apple.com/iphone/specs.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น