วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กสท เล็งอนุมัติดีแทค-ทรูฯ 3G บน HSPA

กสท เตรียมอนุมัติให้ดีแทคและทรูมูฟสามารถพัฒนาบริการ 3G บนคลื่นความถี่เดิม คาดดีเดย์ให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ 29 กรกฎาคมนี้ครับ จากที่เคยมีมติให้ทรูมูฟยกเลิกการทดลองให้บริการเพราะทำผิดเงื่อนไข เนื่องจากให้บริการนอกพื้นที่ที่ขออนุญาต (ข่าวเก่า) รวมทั้งไม่อนุญาตให้ดีแทคขยายบริการ HSPA เชิงพาณิชย์กว่า 1,000 สถานี
โดย กสท ให้เหตุผลว่าเพื่อจูงใจให้ผู้ให้บริการทั้งสองรายพัฒนาโครงข่ายเดิมต่อไปซึ่งจะทำให้ กสท มีรายได้จากส่วนแบ่งในสัญญาสัมปทานมากขึ้น เนื่องด้วย กสท เห็นว่ายังไงก็ตาม ผู้ประกอบการจะเข้าประมูล 3G อยู่แล้ว ก็มีความเห็นว่าควรจะใช้ประโยชน์จากสัญญาสัมปทานที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด
รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถอ่านได้จากที่มาครับ
ที่มา - หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ blognone

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมื่อ YouTube เล่นเกมส์งูได้!

เมื่อเร็วๆ นี้มีคนพบเจอบางอย่างที่แปลกประหลาดในเว็บไซต์ YouTube ซึ่งน่าจะเป็น Easter Egg ที่กูเกิลแอบติดตั้งไว้ นั่นคือเกม Snake หรือเกมงูนั่นเอง
โดยวิธีการเล่นเกมงูนี้ก็ง่ายๆ โดยระหว่างที่กำลังโหลดวิดิโออยู่นั้นให้กดหยุดเล่นไว้ ตามด้วยการกดปุ่มทิศทางซ้ายของคีย์บอร์ด เพียงครู่เดียวจะปรากฏเป็นเกมงูที่คุ้นเคยให้ได้ลองเล่นกันแล้ว
ดูคลิปตัวอย่างได้ท้ายข่าวครับ
ที่มา - Kotaku blognone

iPhone 4 จะวางขายในอีก 17 ประเทศในวันที่ 30 นี้

แอปเปิลได้จัดงานแถลงข่าววันนี้เกี่ยวกับการวางจำหน่าย iPhone 4 ในอีก 17 ประเทศในวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ตามที่สตีฟ จอบส์ได้กล่าวไว้ในงานแถลงข่าวเรื่อง iPhone 4 ครั้งที่แล้ว
ประเทศทั้ง 17 ประเทศได้แก่ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฮ่องกง ไอร์แลนด์ ลักเซมเบริ์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และสามารถซื้่อได้ผ่านทางผู้แทนจำหน่าย หรือ Apple Online Store ของประเทศนั้นๆ
สตีฟ จ็อบส์กล่าวเมื่องานแถลงคราวที่แล้วว่าจะมีประเทศเกาหลีใต้ในรายชื่อด้วยแต่อาจจะใช้เวลาหน่อยในการได้รับอนุญาตจากรัฐบาลแดนกิมจิ
จากการที่ในรายชื่อมีประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ก็คาดว่าคนไทยน่าจะได้เป็นเจ้าของ iPhone 4 ได้ง่ายขึ้น
ที่มา: Macrumors blognone

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ต้นเหตุ เพราะขนมชิ้นเดียว

มอเตอร์..อินฟราเรด ไทยคิดได้หนึ่งในโลก

นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในมันสมองของคนไทย ไม่มีชาติไหนคิดทำได้เสมอเหมือน
วันนี้คนไทยเป็นหนึ่งเดียวในโลกอีกครั้ง สามารถสร้างนวัตกรรมสุดยอดเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
คิดประดิษฐ์มอเตอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 96% จากมอเตอร์ให้แรงหมุน 0.043 กิโลกรัม-ตารางเมตร/วินาที ที่ว่าดีประหยัดพลังงานแล้ว กินกระแสไฟฟ้า 90 แอมแปร์...วันนี้คนไทยคิดทำให้กินกระแสไฟฟ้าจิ๊บๆ แค่ 3 แอมแปร์ และยังได้แรงหมุนมากถึง 3.11 กิโลกรัม-ตารางเมตร/วินาที
ได้ทั้งกำลังมากกว่า...ทั้งซดพลังงานน้อยกว่า 30 เท่าตัว เป็นมอเตอร์แบบใหม่ล่าสุดของโลก ที่ใช้พลังงานรังสีอินฟราเรด โดยการคิดค้นของ พล.อ.ท.มรกต ชาญสำรวจ อดีตเจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ และทีมงาน ที่ใช้เวลาวิจัยศึกษาพัฒนามาร่วม 3 ปี...วันนี้เพิ่งทำมอเตอร์ต้นแบบเสร็จแบบหมาดๆ เป็นมอเตอร์แบบที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า High Power, Low Energy Combustion Motor Engine... มอเตอร์กำลังสูง ซดพลังงานต่ำ แต่เพื่อให้เรียกกันได้แบบเข้าใจง่าย เลยตั้งชื่อว่า...เฮอร์คิวลิส สิ่งประดิษฐ์ใหม่เป็นมอเตอร์ ในสายตาชาวบ้านทั่วไปอาจจะมองเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่าตื่นตาตื่นใจสักเท่าไร ในใจคิดไปแค่มอเตอร์หมุนพัดลม แต่คนที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมทั้งหลาย มองเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ สุดอลังการ...เพราะมอเตอร์ที่หมุนๆ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทั้งหลาย

เครื่องจักร เครื่องกล รถยนต์ เรือ เครื่องบิน รถไฟ...ล้วนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีหมุนขับเคลื่อนด้วยกันทั้งนั้น ถ้าใครสามารถคิดค้นเทคโนโลยีทำให้วัตถุหมุนเคลื่อนที่ไปได้โดยสิ้นเปลืองพลังงานน้อยที่สุด...นับเป็นเทคโนโลยีที่สร้างคุณูปการ ให้กับชาวโลกอเนกอนันต์ และมอเตอร์เฮอร์คิวลิส ที่อดีตเจ้ากรมฯ และทีมงานคิดทำขึ้นมา จุดเริ่มต้นก็มาจากต้องการนำไปใช้กับยานพาหนะ รถกับเรือ...เพื่อคนไทย ประเทศไทยจะได้ลดการใช้พลังงาน
"ตอนนี้ใครๆก็รู้โลกเรามีปัญหาภาวะโลกร้อน ที่มีสาเหตุมาจากมนุษย์เราเผาพลังงาน ผลาญน้ำมันกันมาก โดยเฉพาะในภาคการขนส่ง
และนับวันน้ำมันก็จะยิ่งแพงขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเรายังใช้พลังงาน ใช้ น้ำมันกันอย่างนี้ ไม่เพียงเราจะต้องหมดเงินไปมาก ยังทำให้โลกร้อนมีปัญหาหนักขึ้นไปอีก น้ำแข็งขั้วโลกละลายมากขึ้น กรุงเทพฯอยู่ในเขตวิกฤติ อาจกลายเป็นชายทะเล จมไปอยู่ใต้น้ำ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน"
พล.อ.ท.มรกต บอกถึงที่มาของการคิดประดิษฐ์มอเตอร์เฮอร์คิวลิส ที่เริ่มลงมือคิดทำในช่วงปลายปี 2549
เนื่องจากกลไกการใช้พลังงานเพื่อไปขับเคลื่อนรถยนต์ ยานพาหนะต่างๆในโลกใบนี้ อดีตเจ้ากรมฯอธิบายว่า มีอยู่ด้วยกัน 2 ระบบ

ระบบแรก ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เอาน้ำมันเชื้อเพลิงมาจุดระเบิด ชักลูกสูบให้หมุนขับเคลื่อนล้อ

ระบบนี้มีข้อเสียมาก ตั้งแต่เสียงดัง ก่อมลพิษ เขม่าควันพ่นและสารพัดแก๊สพิษ

แบบที่สองก็คือ มอเตอร์ที่เอาพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง (DC) มาผลิตเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า ผลักให้แกนเหล็กข้างในหมุนวนขับเคลื่อนล้อ ใบพัดต่างๆได้

ระบบนี้ถึงจะดีในแง่ไร้มลภาวะ ทั้งในเรื่องเสียงและมลพิษทางอากาศก็ตาม

แต่ก็ยังมีข้อเสียในเรื่องความร้อน เปิดเดินเครื่องให้มอเตอร์หมุนต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานานเป็นชั่วโมง มอเตอร์จะเกิดความร้อนและไหม้เสียหาย

แต่ที่เอามาใช้กับรถยนต์ ยานพาหนะแล้วไม่ร้อนเสียหาย นั่นเป็นเพราะขับรถไป มีหยุด มีพัก เบาเครื่องตลอดเวลา...มอเตอร์เลยไม่ไหม้ ให้เห็นคาตา
"มอเตอร์ที่เอามาขับเคลื่อนรถยนต์ ขนาด 90 แอมแปร์ ใช้ต่อเนื่องแบบไม่มีหยุดพัก แค่ 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ก็หมดแล้ว ต้องชาร์จใหม่ มอเตอร์แบบนี้แม้จะถือว่าดีที่สุดแล้วในขณะนี้ แต่ในความเห็นของผม คิดว่ามันกินกระแสไฟฟ้ามากเกินไป

กินกระแสไฟมาก แบตเตอรี่หมดเร็ว ต้องชาร์จบ่อย เลยมาคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรเราถึงจะได้มอเตอร์แบบที่กินไฟน้อย เพื่อจะได้ช่วยกันประหยัดพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน"

แม้อายุอานามจะ 76 ปีเข้าไปแล้ว แต่ด้วยใช้สมองคิดประดิษฐ์ รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานไฮโดรเจน มาไม่หยุดหย่อน ความจำยังแม่นยำไม่หลงลืม เลยรื้อฟื้นความรู้สมัยรับราชการสร้างจรวดเห่าฟ้ามาช่วยสร้างมอเตอร์เฮอร์คิวลิส

"ที่ผ่านมาเรารู้ว่ารังสีอินฟราเรดสามารถนำมาใช้ประโยชน์ ได้มากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์นำไปใช้ในการตรวจวินิจฉัยรักษาโรค ทางทหารนำไปในการทำจรวดนำวิถี

และรู้ด้วยว่า รังสีอินฟราเรดเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่เราสามารถผลิตขึ้นมาได้ในราคาที่ต่ำมาก เลยตั้งเป้าที่จะเอาอินฟราเรดมาเป็นพลังงานขับเคลื่อนมอเตอร์สุดยอดประหยัดพลังงาน"

หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นาน ในที่สุดก็พบทางสว่าง...ได้มอเตอร์ที่ลดการใช้พลังงานได้ถึง 96%

ด้วยการนำไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาผลิตรังสีอินฟราเรด...จากนั้นเอารังสีอินฟราเรดที่ได้มาขยายให้มีกำลังสูงเพิ่มเป็น 100 เท่า

แล้วนำอินฟราเรดมาปล่อยยิง เป็นจังหวะสม่ำเสมอ 120 ครั้งต่อ 1 นาที ให้ไปกระทบกับก้านใบกังหันเทอร์ไบน์ที่เคลือบด้วยสารพิเศษ (ซึ่งเป็นความลับที่เปิดเผยไม่ได้)

สารพิเศษที่ว่านี้มีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อเจอรังสีอินฟราเรดที่ยิงออกมาแล้ว จะเกิดแรงต่อต้านสะท้อนกลับ ผลักให้กังหันเทอร์ไบน์หมุนติ้ว แบบเดียวกับมอเตอร์ไฟฟ้า

อยากจะได้มอเตอร์มีกำลังแรงมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการออกแบบกังหันเทอร์ไบน์มีขนาดเท่าไร มีใบกังหันกี่ชั้น และมีชุดยิงรังสีอินฟราเรดกี่ชุด

ตอนนี้มอเตอร์เฮอร์คิวลิสเครื่องต้นแบบที่ทำออกมาขับดันใบพัดเรือหางยาว มีกังหันเทอร์ไบน์ 3 ชั้น ชุดยิงอินฟราเรด 3 ชุด ซดกระแสไฟฟ้า 3 แอมแปร์...แต่ได้กำลังงานเท่ากับมอเตอร์ซดกระแสไฟฟ้า 90 แอมแปร์

ที่สำคัญ ใช้ติดต่อกันต่อเนื่องยาวนาน...ไม่มีร้อน ไม่มีไหม้ เหมือนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงทั่วไป

และใช้แบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน มอเตอร์ทั่วไป 1–2 ชั่วโมง แบตฯหมดต้องชาร์จไฟใหม่...แต่มอเตอร์พลังอินฟราเรด ใช้ได้นานถึง 30 ชั่วโมง

นี่เป็นขั้นต้นประดิษฐกรรมมอเตอร์ไฟฟ้าซดพลังงานจิ๊บๆ พล.อ.ท.มรกต บอกว่า ถ้ามีการคิดพัฒนาต่อยอดออกไป มอเตอร์พลังงานอินฟราเรดไม่เพียงนำไปใช้ในการขับเคลื่อนเรือที่ใช้สัญจรในแม่น้ำเท่านั้น เอาไปขับเคลื่อนเรือเดินสมุทร รถยนต์ รถโดยสาร ได้ทั้งนั้น

ที่สำคัญ ยังสามารถนำไปพัฒนาทำเป็นเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า ทำเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กปั่นไฟได้ด้วย

ได้ไฟฟ้ามาก ด้วยต้นทุนผลิตที่ต่ำ...ปลอดฝุ่นควันและมลพิษ

คนไทยคิดได้ทำได้ หนึ่งเดียวในโลกขนาดนี้...ได้แต่ฝันว่า เมื่อไร เราคนไทย รัฐบาลไทยจะร่วมมือร่วมใจ นำความคิดของคนไทยด้วยกันมาต่อยอดให้กลายเป็นจริง

ให้ชาวโลกยอมรับ...และคนไทยด้วยกันเองได้ภูมิใจในความเป็นไทย จะได้รักชาติ ไม่เผาบ้านเผาเมืองเพราะไม่มีอะไรให้น่าภูมิใจ.

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Facebook เตรียมฉลองผู้ใช้ 500 ล้านคนด้วยแคมเปญ "Facebook Stories"

Facebook ซึ่งมียอดผู้ใช้เกือบแตะหลัก 500 ล้านรายเต็มที จึงเตรียมแถลงความสำเร็จด้วยแคมเปญชื่อ "Facebook Stories"

Randi Zuckerberg พี่สาวของ Mark Zuckerberg ซึ่งดูการตลาดให้ Facebook ได้อธิบายแนวคิดของแคมเปญรอบนี้ว่า เดิมที Facebook แถลงความสำเร็จด้วยตัวเลขล้วนๆ ในโอกาสที่ครบ 500 ล้านคนอย่างยิ่งใหญ่ บริษัทจึงอยากลองวิธีการฉลองแบบใหม่ๆ โดยจะถ่ายทอด "เรื่องราวประทับใจ" ของผู้ใช้ Facebook แทน

สำหรับคนที่อยากส่งเรื่องราวประทับใจไปยัง Facebook (เผื่อได้ลงแคมเปญ) ก็เข้าไปที่ User Stories

ที่มา - AllthingsD

DTAC ประกาศไม่ร่วมประมูล 3G ถ้าหาก กทช. ยังกำหนดเงื่อนไขคืนสัมปทาน 2G

จากที่ กทช. ประกาศร่างหลักเกณฑ์ออกใบอนุญาต 3G ฉบับปรับปรุง ซึ่งเพิ่มเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการรายเดิม (ถ้าหากชนะประมูล) ต้องทำแผนการคืนคลื่นความถี่เดิมส่งมายัง กทช. ด้วย (อ่าน @DrNatee39G ตอบคำถามเรื่องแผนการคืนคลื่นความถี่เดิม ประกอบ)

ล่าสุด DTAC ได้ยื่นหนังสือถึง กทช. ขอให้ตัดเงื่อนไขการคืนคลื่นความถี่เดิมออกจากเงื่อนไขการประมูล โดยให้เหตุผลว่า การคืนคลื่น 2G เพื่อให้ กทช. นำไปจัดสรรใหม่ จะเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจเพราะ DTAC ไม่รู้ว่าจะได้คลื่น 2G กลับมาบริหารต่อหรือไม่ และถ้ายังมีเงื่อนไขนี้อยู่ DTAC จะไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่น 3G

สัมปทาน 2G ของ DTAC ที่ทำกับ กสท. จะหมดอายุในปี 2561 ถือว่าเหลือนานที่สุดในโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ทั้ง 3 ราย

ที่มา - Post Today Blognone

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แอปเปิลกำลังแอบเก็บ iPhone 4 คืนอย่างเงียบๆ

มีลูกค้า iPhone 4 รายหนึ่งได้รายงานมายัง Gizmodo ว่าเครื่อง iPhone 4 สีดำของเขามีปัญหาในเรื่องของ proximity sensor และปัญหาบางจุดของซอฟต์แวร์จึงนำเครื่องไปเปลี่ยนที่ Apple Store ที่นิวยอร์ก

แต่ iPhone 4 เครื่องใหม่ที่เขาได้มากลับทำให้เขารู้สึกได้ถึงการปรับปรุงที่แตกต่างไปมาก (ตามที่เขาสังเกตเห็น) นั่นคือ

  • ตัวเครื่องสีดำน้อยลงกว่าเดิม ทำให้มองเห็นตัว proximity sensor ได้ ในขณะที่เครื่องเก่านั้นมองไม่เห็นเลย
  • ขอบสแตนเลสให้ความรู้สึกเป็นสแตนเลสน้อยลงและเหมือนถูกเคลือบสารบางอย่างมากขึ้น
  • เขาพยายามจับ"ผิดท่า"อยู่หลายครั้งเพื่อดูสัญญาณ แต่ไม่สามารถฟันธงได้ว่าปัญหาตรงนี้ได้รับการแก้ไขไปเรียบร้อยหรือไม่

ที่มา - Gizmodo

ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ขณะที่เขาอยู่ในร้านมีผู้ชายคนหนึ่งเอา iPhone 4 มาให้พนักงานดูเนื่องจากเคยเกิดปัญหาครั้งหนึ่งที่ต้องกดปุ่ม Home หลายครั้งกว่ามันจะกลับมาที่หน้า Home พนักงานจึงนำไปตรวจสอบและกลับมาบอกว่าเครื่องปกติดีทุกอย่าง แต่ก็ยังเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ (เก็บคืน?)

ทาง Gizmodo จึงสันนิษฐานว่าการแก้ปัญหาน่าจะใช้วิธีเคลือบสารบนเสาอากาศและเปลี่ยนให้กับเฉพาะคนที่มีปัญหาจริงๆ เท่านั้น

ในขณะที่มีผู้ให้ความเห็นข่าวรายหนึ่งบอกว่า iPhone 4 เครื่องเก่าของเขาที่นำไปเปลี่ยนเคยสัญญาณตกจาก 5 ขีดเหลือ 0 ขีดเมื่อจับ"ผิดท่า"ในเวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น แต่เครื่องใหม่ที่ได้มาสัญญาณกลับตกไม่เคยต่ำกว่า 3 ขีดอีกเลย

มาทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต

มาทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ตก่อนที่จะเสียเปรียบผู้ให้บริการกันก่อนเถิดครับ ลองทดสอบ ว่าความเร็ว
ที่ได้ตรงตามที่เราขอใช้บริการอยู่หรือป่าว ถ้าไม่ตรงสูงกว่าก็ดีไป แต่ถ้าต่ำกว่าก็ตรวจสอบสัญญานที่บ้านตัวเองก่อน ว่ามีสัญญานเสียงชัด หรือป่าวถ้าสัญญานไม่ชัดก็ตรวจสอบสายภายในบ้านก่อนนะครับว่ามีจุดต่อหรือสายขาดหรือป่าว ถ้าปกติหมดก็แจ้งทางผู้ให้บริการได้เลยครับว่าได้รับ ความเร็วไม่ถึงที่ขอไว้ เดียวเขาจะตรวจสอบแล้วก็หาวิธี ปรับให้ความเร็วถึงนะครับลองดู

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กทช.บีบโอเปอร์เตอร์คืนคลื่น 2จี ก่อนเปิดใช้ 3จี

กทช.ปรับแผนการจำกัดการถือครองคลื่นความถี่ ย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ เล็งบีบเอกชนให้คืนคลื่นส่วนเกินให้กทช. จัดสรรใช้ประโยชน์ หวั่นใช้คลื่นเกินความจำเป็น ตั้งหลักยึดการแข่งขันที่เป็นธรรมทุกฝ่าย ก่อนเปิดใช้งาน 3จี...

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2553 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า ได้กำหนดเงื่อนไขการจำกัดการถือครองคลื่นความถี่ (Spectrum Cap) ลงในหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ สำหรับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายเดิมที่อาจได้รับใบอนุญาต หรือ ไลเซ่นส์ 3 จี เพิ่มเติม โดยผู้รับใบอนุญาตจะต้องทยอยส่งคลื่นคืนให้กับเจ้าของสัมปทาน คือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ตามพื้นที่ที่เปิดให้บริการ 3 จี เช่น ถ้าดำเนินการ 3 จี ที่ภูเก็ตก็ต้องคืนคลื่น 2 จี ที่ภูเก็ต เป็นต้น

กรรมการ กทช. กล่าวต่อว่า แม้ผู้ประกอบการมือถือเดิมที่ได้รับใบอนุญาต 3 จี จะต้องคืนคลื่นความถี่ 2 จี ให้กับคู่สัมปทานแล้วก็ตาม แต่การให้บริการตามสัญญาสัมปทานยังเป็นเช่นเดิม โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นเพียงการเปลี่ยนสิทธิ์การบริหารคลื่นความถี่ จากผู้ประกอบการมือถือมาเป็นเจ้าของสัมปทานเท่านั้น ทั้งนี้ การคืนคลื่นความถี่จะไม่ทำให้การบริการเดิมยุติลง โดยทีโอที และกสท ในฐานะเจ้าของสัมปทานจะต้องจัดหาคลื่นความถี่ให้กับคู่สัญญาสัมปทานอย่างเพียงพอต่อการให้บริการลูกค้าจนกว่าจะหมดอายุสัมปทาน

พ.อ.ดร.นที กล่าวต่อว่า ทั้งหมดเป็นการคืนสิทธิ์ที่ครอบครองของผู้ให้บริการมือถือในปัจจุบันไปให้กับคู่สัมปทาน หากได้รับไลเซ่นส์ 3 จี เพื่อสร้างการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นธรรม ขณะที่ ความถี่ที่ไม่ใช้งานก็ต้องคืนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ถึงแม้จะคืนคลื่นให้กับเจ้าของสัมปทาน แต่สิทธิ์การใช้ความถี่ยังมีตามสัญญาสัมปทานนั้น กทช.ต้องกำหนดหลักเกณฑ์เป็นการคืนคลื่นตามระยะเวลาและพื้นที่มี 3 จี และไม่ควรมีคลื่นทับซ้อน

“กทช.พยายาม กำหนดให้ไปสู่ความเปลี่ยนผ่าน ให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ให้ใครถือครองคลื่นความถี่มากเกินไป จนทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยให้มีคลื่นความถี่ที่เท่าเทียมกัน ซึ่งทุกคนที่ได้รับใบอนุญาต 3จี ต้องมีคลื่นความถี่ที่ถือครองเท่าๆ กัน และแต่ละผู้ประกอบการจะถือครองคลื่นความถี่ตามความจำเป็นที่ต้องใช้งาน ทั้งนี้ ตามความต้องการของกทช. คือ การถือครองคลื่นความถี่ย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ควรถือครองไม่เกิน 15 เมกะเฮิร์ตซ” กรรมการ กทช.กล่าว

พ.อ.ดร.นที กล่าวอีกว่า ขณะนี้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ยังเหลืออายุสัญญาสัมปทานที่ทำไว้กับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) อีก 5 ปี ส่วนบริษัท ทรูมูฟ จำกัด (มหาชน) เหลืออายุสัญญาสัมปทานกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) อีก 3 ปี ขณะที่ บริษัท โทเทิ่ล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เหลือายุสัญญาสัมปทานกับ กสท อีก 8 ปี

ขณะเดียวกัน กสท ถือครองคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ จำนวน 17.5 เมกะเฮิร์ตซ ทีโอที ครองคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ จำนวน 15 เมกะเฮิร์ตซ เอไอเอส ครองคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ จำนวน 17.5 เมกะเฮิร์ตซ ดีแทค ครองคลื่น 850 เมกะเฮิร์ตซ จำนวน 10 เมกะเฮิร์ตซ และ 1800 เมกะเฮิร์ตซ จำนวน 25 เมกะเฮิร์ตซ ดีพีซี ครองคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตซ จำนวน 12.5 เมกะเฮิร์ตซ และทรูมูฟ ครองคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ จำนวน 12.5 เมกะเฮิร์ตซ

ทั้งนี้ การกำหนดเงื่อนไขการจำกัดการถือครองคลื่นความถี่ เป็นการเขียนเพิ่มเติมขึ้นจากการกำหนดให้ผู้ประกอบการ 2 จี ต้องจัดทำแผนการส่งคืนคลื่นความถี่ โดยจะสอดคล้องกับแผนการสร้างโครงข่าย (Roll out plan) โดยผู้ได้รับใบอนุญาตจะทยอยส่งคืนคลื่นตามพื้นที่ที่เปิดให้บริการ 3จี ที่ผู้ประกอบการ 2จี ต้องยุติการให้บริการเมื่อหมดสัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ตาม กทช.ยังได้ปรับมูลค่าเริ่มต้นในการประมูลคลื่นสำหรับให้บริการ 3จี เป็น 12,800 ล้านบาท จากเดิมกำหนดไว้ 1 หมื่นล้านบาทด้วย

ที่มา http://www.thairath.co.th