วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

แนวข้อสอบ วิชา วัสดุวิศวกรรมนะ

ข้อ1., 2. สองข้อแรก เปลี่ยนแค่ตัวเลข


ข้อ3
ข้อ4
คุณสมบัติทั่วไปของ Ceramics
1. แข็งแต่เปราะ
2. มีความต้านทานต่อแรงกดดี แต่ความต้านทานแรงดึงต่ำ
3. มีค่าความยืดหยุ่น และ Toughness ต่ำ
4. บางชนิดมีความแข็งแรงสูงทั้งที่อุณหภูมิต่ำและสูง
5. เป็นฉนวนไฟฟ้า(Dielectric) และฉนวนความร้อน เพราะไม่มี e- เป็นตัวนำ เหมาะสำหรับเป็นตัวเก็บประจุ
6. จุดหลอมเหลวสูง
7. ทนการกัดกร่อนจากสารเคมีได้ดี เพราะมีพันธะเคมีแข็งแรง

ข้อ5

1.กลไกการแตกแบบเหนียว
l ที่ผิวรอยแตก เมื่อมองด้วยตาเปล่า จะเห็นเป็นผิวหม่น ทึบแสง มีสีคล้ำ เพราะเกิดจากการรวมตัวของหลุมเล็กๆ ที่เกิดระหว่างการแตก
2. การแตกแบบเปราะ Brittle fracture
l ชิ้นงานจะแตกหักโดยมีการแปรรูปถาวรเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ทำให้มีค่าความเหนียวต่ำ
l ผิวรอยแตกค่อนข้างตรง และค่อนข้างวาวเมื่อมองด้วยตาเปล่า
l โลหะที่แตกแบบเปราะค่อนข้างที่จะอันตรายเพราะสามารถเกิดการแตกหักได้ง่ายในบริเวณที่มีความเค้นสะสมสูง และถ้ามีรูพรุนมากๆ

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

ไมโครซอฟท์ยืนยันออกการ์ด 802.11n เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ Xbox 360





เนื่องในโอกาสที่ 802.11n ได้รับการรับรองให้เป็นมาตราฐาน Wi-Fi แล้ว ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายเจ้าก็ถือเป็นฤกษ์อันดีสำหรับผลักดันการใช้งาน 802.11n ในวงกว้าง และหนึ่งในผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เหล่านั้นก็คือไมโครซอฟท์
เว็บไซต์ Joystiq ได้รับการยืนยันจากไมโครซอฟท์แล้วว่า กำลังจะออกการ์ดเสริมสำหรับ 802.11n สำหรับ Xbox 360 โดยโฆษณาว่ามันจะช่วยให้ "seamlessly connect with their home network with the highest wireless 'N' technology"
ราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผย
ที่มา - Joystiq copy Blognone

Garmin-Asus Nuvifone M20 เข้าไทยแล้ว




เมื่อต้นปีมีข่าวว่า Garmin จับมือ Asus ออกโทรศัพท์ภายใต้แบรนด์ใหม่ ชื่อ Garmin-Asus ซึ่งได้เปิดตัวมือถือตัวแรกคือ G60 โดยใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์เฉพาะตัวของ Garmin เอง
ส่วน Garmin-Asus รุ่นที่สองชื่อ Nuvifone M20 (จะให้ถูกต้องเรียกว่า Nüvifone) เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 6.1 เปิดตัวที่เมืองนอกช่วงกลางๆ ปี ตอนนี้เปิดตัวในเมืองไทยแล้วด้วยราคา 15,900 บาท สเปกก็เหมือนมือถือทั่วไปในท้องตลาด จอ 2.8" 480x640, กล้อง 3MP, หน่วยความจำ 4GB, GPS
จุดที่ผมว่าน่าสนใจและเอามาลงเป็นข่าว คือฟีเจอร์ชูโรงตามยี่ห้อ Garmin ซึ่งต่างจากฟีเจอร์แผนที่ของสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ตรงที่พรีโหลดแผนที่มาให้ในตัวเครื่องเลย (หลงทางไปที่ไม่มีสัญญาณมือถือก็มีแผนที่ให้ดู) ข้อมูลตัวแทนของ Asus บอกว่ารุ่นนี้มีแผนที่ประเทศไทยพร้อมระบบนำทางด้วยเสียงแบบ turn-by-turn (ไม่รู้ว่าการใช้งานจะเทียบชั้นกับ Garmin ตัวจริงได้แค่ไหนเหมือนกัน ถ้า Asus อ่านอยู่ส่งเครื่องมาให้ทดสอบด้วยนะครับ :P)
ปิดท้ายด้วยของแถมที่ Asus ส่งมาให้ จะไม่ลงก็เกรงใจ
ที่มา - Asus-Garmin, Press Release ฉบับภาษาไทย (หาบนเว็บยังไม่มีครับ) copy blognone

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

ใครมีวิธี ลบ Key-Installer.exe มันอยู่ ใน flash drive

ผมเจอเจ้า Autorun.inf Smartkey.exe และ Key-Installer.exe อยู่ใน Flash Drive ลบไปแล้วมันก็กลับมาใหม่ ทำยังไงดีครับ
มันไม่ยอมไปสักที่ ไม่รู้มันจะ ขโมย password จากเครื่องเราหรือเปล่าเพราะชื่อมัน บงบอกถึงการกระทำเลยนะใครรู้ วิธีแก้ช่วยชี้แนะด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

หาซื้อ เพลงสากล ผ่าน amazon ได้เลยครับ

http://astore.amazon.com/vlovegoogle-20 ตาม link นี้เลยครับ เพลงสากล สุดฮิต เพลงดัง เพลงฮิต เข้าไปเลือก
ซื้อเพลง ออนไลน์ Online Astore by amazon

โทรฟรีทั่วไทย โทรฟรีทั่วโลกด้วย Skype unlimited call (เหมาจ่ายรายเดือนเอาแทนการคิดต่อนาที)

จริงๆแล้วผมใช้ Skype เพื่อให้แผนกต่างประเทศติดต่อกับลูกค้าต่างประเทศมาตั้งนานแล้วล่ะครับแต่ว่าไม่ได้เอามาบอกคนอื่นสักเท่าไหร่ แค่บอกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกับพวกที่เรียนรู้จักกันบางคนเท่านั้นน่ะครับ แต่ว่าผมใช้มาได้พักใหญ่ๆแล้วก็สรุปได้ว่ามันก็ดีจริงๆน่ะหละ ตอนแรกคิดว่ามันจะไม่ดีอย่างงู้นอย่างนี้บ้าง แบบว่าโทรแล้วไม่รู้ว่าสัญญาณมันโอเคแค่ไหน แต่ว่าหลังจากที่ใช้ผ่านได้เป็นปีแล้วก็สรุปได้เลยว่า ใช้โทรเข้าเบอร์บ้าน หรือว่าโทรเข้ามือถือลูกค้าสื่อสารกันรู้เรื่องแม้ว่าจะพูดกันเป็นภาษาอังกฤษก็ตามน่ะครับ

แต่ว่าที่สำคัญที่ผมมา post content นี้เอาไว้ก็เพราะว่า ตอนนี้ประเทศที่อยู่ในกลุ่ม unlimit แบบจ่ายรายเดือนนี้จะ”ครอบคลุมไปถึงประเทศไทย” ทั้ง “มือถือและสายเบอร์บ้านปกติ” ด้วยน่ะครับ นั่นก็แปลว่าเราสามารถที่จะลด cost สำหรับการโทรศัพท์จาก office ไปได้มากโขจริงๆครับ

ลักษณะ package ที่เหมาจ่ายรายเดือนมันเป็นอย่างไร ? แล้วเงื่อนไขการโทรเป็นยังไง ?

package ที่มีการเหมาจ่ายรายเดือนสำหรับ Skype นั้นจะแบ่งออกเป็นสองลักษณะด้วยกันคือ ประเภทที่เหมาจ่ายเพื่อโทรโดยการระบุเบอร์ปลายทางแค่ประเทศเดียว (เช่นประเทศไทยเป็นต้น) หรือว่าอีกประเภทก็คือ เป็นการเหมาจ่ายเพื่อที่จะใช้ Skype โทรออกไปยัง 40 ประเทศทั่วโลก (กดที่นีเพื่อดูว่า 40 ประเทศนี่มันที่ไหนกันมั่ง)ซึ่งทั้งสองตัวราคาจะมีความแตกต่างกันอยู่เท่าตัวก็คือ ถ้าหากว่าโทรเฉพาะประเทศเสียเงินค่าเหมาจ่ายต่อเดือนที่ 6 เหรียญแต่ว่าถ้าหากว่าโทรไปยังทั่วโลกจะเสียเป็นรายเดือนเดือนละ 13 เหรียญสหรัฐ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากว่าลูกค้าคุณหรือปลายสายอยู่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วล่ะก็อาจจะเลือกเป็นแบบโทรปลายทางประเทศเดียวก็น่าจะดีกว่า แต่ว่าสำหรับผมแล้วผมแนะนำแบบที่เหมาจ่ายทั่วโลกเพราะว่า ตอนนี้มันโทรไทยได้ด้วย สมมุตว่าลูกค้าคุณๆส่วนใหญ่อยู่อเมริกาก็เถอะแต่ว่าถ้าหากว่าคุณสมัตรแบบโทรทั่วโลกก็นอกจากโทรอเมริกาได้ฟรีๆแล้วยังโทรไปยังมือถือหรือเบอร์โทรศ้พท์ธรรมดาของประเทศไทยได้ซึ่งแน่นอนว่าคุณต้องใช้อยู่แล้ว ! ใช่เหรอป่าวล่ะ ..

เรื่องของ unlimit นั้นไม่จำกัดมันไม่ได้ไม่จำกัดจริงๆอย่างงั้นหรอก่นะครับ เพราะว่า มันมีกำหนดอยู่ว่าถ้าจะใช้บริการนี้จะมี limit ที่โทรได้ 360 นาทีต่อวันเท่านั้น (แปลว่าหกชั่วโมงติดต่อกัน) หรือว่าเดือนๆจะโทรได้ทั้งหมด 167 ชั่วโมงแต่ว่าถ้าคิดแบบนี้มันก็เหมือนกับการโทรอย่างไม่มี limit น่ะหละ มีใครที่ไหนล่ะครับที่จะโทรศัพท์ต่อวันโทรออกได้เยอะอย่างงั้นล่ะ จริงเหรอปาวล่ะครับนั่น เป้าหมายที่เค้ากำหนดเอาไว้ก็แค่ว่ากันพวกที่จะใช้แบบไม่ fair กับทาง Skype ก็เท่านั้นเองน่ะครับ

ที่ผมใช้งาน Skype ผมจะให้ทีมงานต่างประเทศที่เค้าติดต่อกับลูกค้าผ่าน email เป็นส่วนใหญ่ใช้ เพราะว่าหลายๆครั้งมันไม่จำเป็นต้องบอกทางอีเมล์หรือว่าจะคุยกันสดๆมันก็น่าจะดีกว่า ปัญหาจะเป็นเรื่องของเวลาที่ไม่เท่ากันซะมากกว่าน่ะครับ สำหรับการโทรคุยแบบสดๆอย่างนี้

เพราะฉะนั้นแล้วองค์กรที่มีการติดต่อระหว่างประเทศมากๆแล้วประเทศเหล่านั้นเป็นประเทศที่อยู่ใน unlimited call ตามภาพนี้แล้วล่ะก็มันจะคุ้มค่าเอามากๆ จะได้ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศที่คุณอาจจะคิดว่ามันถูกแล้วก็ตาม (แต่สุดท้ายผมก็หันมาเหมาจ่ายมันก็ถูกกว่าอยู่ดีน่ะหละครับ)

การใช้งาน Skype สำหรับปัจจุบัน(ยังไม่มีเครือข่าย 3G จริงจังอะไร)ผมสามารถที่จะแยกเป็นสถานะการณ์การใช้ได้เป็นแบบๆต่อไปนี้น่ะครับ

แบบที่หนึ่ง : เล่นผ่านหน้า computer จริง โดยพนักงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาที่ต่อ internet highspeed เมื่อเข้าข่ายแบบนี้ปุ้บ แล้วคอมพิวเตอร์มีลำโพงกับไมล์หรือว่ามีซื้อเป็นหูฟังกับไมล์มาก็ใช้การได้ทันทีน่ะครับ การใช้งานแบบนี้จะสะดวกเอามากๆ เพราะพนักงานก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วอยู่มันแต่หน้าคอมน่ะหละ

แบบที่สอง : เล่นผ่าน Mobile Device ประเภท smart phone หรือ Windows Mobile แบบนี้จะต้องมีการdownload program เพื่อลงไปที่ Winbows Moblie เสียก่อนแล้วก็จะเล่นได้น่ะครับ หรือว่าถ้าหากว่าเป็น iphone ก็ต้อง download program สำหรับ iphone มาใช้เหมือนกันน่ะครับ แน่นอนว่าถ้าจะเล่นผาน Mobile Device ต่างๆ แถวๆนั้นจะต้องมีเครือข่าย wifi หรือ internet wireless ไร้สายครับ แล้วก็โทรออกมาเหมือนกับโทรศัพท์ธรรมดาคุยๆกันได้เลยน่ะครับ

ทั้งสองกรณีนี้ แนะนำอย่างแรงว่าต้องเป็น internet high speed เท่านั้นน่ะครับเพราะจะทำให้การคุยกัน มันคุยกันรู้เรื่องครับไม่อย่างงั้นเนี่ยะ เสียงจะออกแนวเป็นหุ่นยนต์ แล้วสำหรับมือถือถ้าหากว่าคิดจะต้อง internet เชื่อมข้อมูลเพื่อคุย Skype ผ่าน EDGE/GPRS แล้วล่ะก็ ผมก็เคยลองอยู่เหมือนกันน่ะครับ แต่ว่ามันก็ให้เสียงที่คุยได้แค่ว่ามันอู้อี้ไปหน่อยเท่านั้นเองน่ะครับ ถ้าอยากลองก็ลองได้น่ะครับ เพราะผมอธิบายยากอยู่ว่าอาการอู้อี้สำหรับผมแล้ว คนอื่นจะรู้สึกว่าคุยได้มั้ยน่ะครับ

โดยสรุปก็คือ ถ้าหากว่าต้องการประหยัดเงินค่าโทรศัพท์ไม่ว่าจะไปยังปลายทางที่ไทยหรือว่าโทรไปทั่วโลกหรือว่าลูกชายลูกสาวเรียน inter อยู่ที่อังกฤษมั่งหรือว่าเรียนอยู่ที่อเมริกามั่งก็ให้เค้าใช้ Skype แบบนี้แล้วก็ให้เค้าสมัครเป็นแบบ unlimited call กลับมาประเทศไทยก็เท่านั้นก็คุ้มแล้วล่ะครับผมว่านะ .. ^_^

โดดไปสมัครใช้งานโทรศัพท์เหมาจ่ายโทรออกต่างประเทศไม่อั้นทั้งโลกนี้ได้จากที่นี่เลยดีกว่าครับ ไม่ต้องซื้อบัตรโทรศัพท์แล้วมานั่งกด PIN NUMBER กันยาวๆให้เหนื่อยอีกแล้วน่ะครับ

ที่มา http://www.rackmanagerpro.com

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

การบ้าน วิชาการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

ส่งวันที่ 10 ก.ย.2552 นะครับอย่าลืม
1.อาจารย์ให้ยกตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่เราเคยไป มา 1 แห่ง
-เขียนสิ่งที่ประทับใจมีอะไรบ้าง
-จำอะไรได้บ้างในการไปเที่ยวที่นี้

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

ขั้นตอนการเขียนงานวิจัย และ โครงการ

หลักการเขียนโครงการ
ขั้นตอนการเขียนโครงการ
1. ชื่อแผนงาน
2. ชื่อโครงการ
3. หลักการและเหตุผล
4. วัตถุประสงค์
5. เป้าหมาย
6. วิธีดำเนินการ
7. ระยะเวลาดำเนินการ
8. งบประมาณ
9. ผู้รับผิดชอบโครงการ
10. หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน
11. การประเมินผล
12. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
การวางแผนและการเขียนโครงการ
ความหมายของการวางแผน มีผู้ให้คำจำกัดความของการวางแผนไว้หลายลักษณะ เช่น การวางแผน คือ การมองอนาคต การเล็งเห็นจุดดหมายที่ต้องการ การคาดปัญหาเหล่านั้นไว้ล่วงหน้าไว้อย่างถูกต้อง ตลอดจนการหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านั้น
การวางแผน เป็นการใช้ความคิดมองจินตนาการตระเตรียมวิธีการต่างๆ เพื่อคัดเลือกทางที่ดีที่สุดทางหนึ่ง กำหนดเป้าหมายและวางหมายกำหนดการกระทำนั้น เพื่อให้สำเร็จลุล่วงไปตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
การวางแผน เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับการกำหนดสิ่งที่จะกระทำในอนาคต การประเมินผลของสิ่งที่กำหนดว่าจะกระทำและกำหนดวิธีการที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติ
ถ้าจะกล่าวโดยสรุป การวางแผนก็คือการคิดการหรือกะการไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอะไร ทำไม ทำที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และไครทำ
การวางแผนจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ - อนาคต - การตัดสินใจ - การปฏิบัติ
ความสำคัญของการวางแผน ถ้าจะเปรียบเทียบระบบการศึกษากับคน การวางแผนก็เปรียบเสมือนสมองของคน ซึ่งถ้ามองในลักษณะนี้แล้ว การวางแผนก็มีความสำคัญไม่น้อยทีเดียว เพราะถ้าสมองไม่ทำงานส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่น แขน ขา ก็จะทำอะไรไม่ได้ หรือถ้าคนทำงานไม่ใช้สมอง คือทำงานแบบไม่มีหัวคิดก็ลองนึกภาพดูก็แล้วกันว่าจะเป็นอย่างไร คนทุกคนต้องใช้สมองจึงจะทำงานได้ ระบบการศึกษาหรือการจัดการศึกษาก็่เช่นเดียวกัน ต้องมีการวางแผน คือ อย่างน้อยต้องมีความคิด การเตรียมการว่าจะจัดการศึกษาเพื่ออะไร เพื่อใคร อย่างไร
การวางแผนมีประโยชน์ในหลายเรื่องด้วยกัน เช่น
1. การวางแผนเป็นเครื่องช่วยให้มีการตัดสินใจอย่างมีหลักเกณฑ์ เพราะได้มีการศึกษาสภาพเดิมใน ปัจจุบันแล้ว กำหนดสภาพใหม่ในอนาคต ซึ่งได้แก่การตั้งวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมาย แล้วหาลู่ทาง ที่จะทำให้สำเร็จตามที่มุ่งหวัง นักวางแผนมีหน้าที่จัดทำรายละเอียดของงานจัดลำดับความสำคัญ พร้อมทั้งข้อเสนอแนะที่ควรจะเป็นต่างๆ เพื่อให้ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจพิจารณา
2. การวางแผนเป็นศูนย์กลางประสานงานเช่น ในการจัดการศึกษาเราสามารถใช้การวางแผนเพื่อ ประสานงานการศึกษาทุกระดับและทุกสาขาให้สอดคล้องกันได้
3. การวางแผนทำให้การปฏิบัติงานต่างๆเป็นไปโดยประหยัดมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพราะการวางแผนเป็นการคิดและคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าและเสนอทางเลือกที่จะก่อให้เกิดผลที่ดีที่สุด
4. การวางแผนเป็นเครื่องมือในการควบคุมงานของนักบริหารเพื่อติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของฝ่าย ต่างๆให้เป็นไปตามนโยบายและเป้าหมายที่ต้องการ
ประเภทของแผน
เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้น่าจะพูดถึงประเภทของแผนเสียเล็กน้อยเพื่อความเข้าใจลักษณะของแผนแต่ละอย่าง ถ้าจะมองในแง่ของระยะเวลาอาจจะแบ่งแผนออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆดังนี้คือ
1. แผนพัฒนาระยะยาว (10 - 20 ปี) กำหนดเค้าโครงกว้างๆ ว่าประเทศชาติของเราจะมีทิศทางพัฒนาไป อย่างไร ถ้าจะดึงเอารัฐธรรมนูญ และ/หรือแผนการศึกษาแห่งชาติมาเป็นแผนประเภทนี้ก็พอถูไถไปได้แต่ความจริงแผนพัฒนาระยะยาวของเราไม่มี
2. แผนพัฒนาระยะกลาง (4 - 6 ปี) แบ่งช่วงของการพัฒนาออกเป็น 4 ปี หรือ 5 ปี หรือ 6 ปี โดยคาดคะเนว่าในช่วง 4 - 6 ปี นี้ จะทำอะไรกันบ้าง จะมีโครงการพัฒนาอะไร จะงบประมาณใช้ทรัพยากรมากน้อยเพียงไร แผนดังกล่าวได้แก่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั่นเองในส่วนของการศึกษาก็มีแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ(ไม่ใช่แผนการศึกษาแห่งชาติ)ในเรื่องของการเกษตรก็มีแผนพัฒนาเกษตรเป็นต้น
3. แผนพัฒนาประจำปี (1 ปี) ความจริงในการจัดทำแผนพัฒนาระยะกลาง เช่น แผนพัฒนาการศึกษาได้มีการหนดรายละเอียดไว้เป็นรายปีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากการจัดทำแผนพัฒนาระยะกลางได้จัดทำไว้ล่วงหน้า ข้อมูลหรือความต้องการที่เขียนไว้อาจไม่สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงในปัจจุบัน จึงต้องจัดทำแผนพัฒนาประจำปีขึ้น นอกจากนั้น วิธีการงบประมาณของเราไม่ใช้แผนพัฒนาระยะกลางขอตั้งงบประมาณประจำปี เพราะมีรายละเอียดน้อยไป แต่จะต้องใช้แผนพัฒนาประจำปี เป็นแผนขอเงิน
4. แผนปฏิบัติการประจำปี (1 ปี) ในการขอตั้งงบประมาณตามแผนพัฒนาประจำปีในข้อ 3 ปกติมักไม่ได้ตามที่กระทรวง ทบวง กรมต่างๆขอไป สำนักงบประมาณหรือคณะกรรมาธิการของรัฐสภามักจะตัดยอดเงินงบประมาณที่ส่วนราชการต่างๆขอไปตามความเหมาะสมและจำเป็นและสภาวการณ์การเงินงบประมาณของประเทศที่จะพึงมีภายหลังทีส่วนราชการต่างๆ ได้รับงบประมาณจริงๆแล้ว จำเป็นที่จะต้องปรับแผนพัฒนาประจำปีที่จัดทำขึ้นเพื่อขอเงินให้สอดคล้องกับเงินที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งเรียกว่าแผนปฏิบัติการประจำปีขึ้น
ความหมายของโครงการ
พจนานกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคำโครงการว่า หมายถึง "แผนหรือเค้าโครงการตามที่กะกำหนดไว้"โครงการเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งในการวางแผนพัฒนาซึ่งช่วยให้เห็นภาพ และทิศทางการพัฒนา ขอบเขตของการที่สามารถติดตามและประเมินผลได้ โครงการเกิดจากลักษณะความพยายามที่จะจัดกิจกรรม หรือดำเนินการให้บรรจุวัตถุประสงค์ เพื่อบรรเทาหรือลดหรือขจัดปัญหา และความต้องการทั้งในสภาวการณ์ปัจจุบันและอนาคต โครงการโดยทั้วไป สามารถแยกได้หลายประเภท เช่น โครงการเพื่อสนองความต้องการ โครงการพัฒนาทั่วๆไป โครงการตามนโยบายเร่งด่วน เป็นต้น
องค์ประกอบของโครงการ
องค์ประกอบพื้นฐานในโครงการแต่ละโครงการนั้นควรจะมีดังนี้1.ชื่อแผนงาน เป็นการกำหนดชื่อให้ครอบคลุมโครงการเดียวหรือหลายโครงการที่มีลักษณะงานไปในทิศทางเดียวกันเพื่อแก้ไขปัญหาหรือสนองวัตถุประสงค์หลักที่กำหนดไว้
2.ชื่อโครงการ ให้ระบุชื่อโครงการตามความเหมาะสม มีความหมายชัดเจนและเรียกเหมือนเดิมทุกครั้งจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ
3.หลักการและเหตุผล ใช้ชี้แจงรายละเอียดของปัญหาและความจำเป็นที่เกิดขึ้นที่จะต้องแก้ไข ตลอดจนชี้แจงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินงานตามโครงการและหากเป็นโครงการที่จะดำเนินการตามนโยบาย หรือสอดคล้องกับแผนจังหวัดหรือแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือแผนอื่น ๆ ก็ควรชี้แจงด้วย ทั้งนี้ผู้เขียนโครงการ
บางท่านอาจจะเพิ่มเติมข้อความว่าถ้าไม่ทำโครงการดังกล่าวผลเสียหายโดยตรง หรือผลเสียหายในระยะยาวจะเป็นอย่างไร เพื่อให้ผู้อนุมัติโครงการได้เห็นประโยชน์ของโครงการกว้างขวางขึ้น
4.วัตถุประสงค์ เป็นการบอกให้ทราบว่า การดำเนินงานตามโครงการนั้นมีความต้องการให้อะไรเกิดขึ้นวัตถุประสงค์ที่ควรจะระบุไว้ควรเป็นวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ปฏิบัติได้และวัดและประเมินผลได้ ในระยะหลัง ๆ นี้นักเขียนโครงการที่มีผู้นิยมชมชอบมักจะเขียนวัตถุประสงค์เป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม คือเขียนให้เป็นรูปธรรมมากกว่าเขียนเป็นนามธรรม การทำโครงการหนึ่ง ๆ อาจจะมีวัตถุประสงค์ มากกว่า 1 ข้อได้ แต่ทั้งนี้การเขียนวัตถุประสงค์ไว้มาก ๆ อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติมองไม่ชัดเจน และอาจ จะดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ไม่ได้ ดังนั้นจึงนิยมเขียนวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน-ปฏิบัติได้-วัดได้เพียง 1-3 ข้อ
5.เป้าหมาย ให้ระบุว่าจะดำเนินการสิ่งใด โดยพยายามแสดงให้ปรากฏเป็นรูปตัวเลขหรือจำนวนที่จะทำได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด การระบุเป้าหมาย ระบุเป็นประเภทลักษณะและปริมาณ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความสามารถในการทำงานของผู้รับผิดชอบโครงการ
6.วิธีดำเนินการหรือกิจกรรมหรือขั้นตอนการดำเนินงาน คืองานหรือภารกิจซึ่งจะต้องปฏิบัติในการดำเนินโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ในระยะการเตรียมโครงการจะรวบรวมกิจกรรมทุกอย่างไว้แล้วนำมาจัดลำดับว่าควรจะทำสิ่งใดก่อน-หลัง หรือพร้อม ๆ กัน แล้วเขียนไว้ตามลำดับ จนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ทำให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์
7.ระยะเวลาการดำเนินงานโครงการ คือการระบุระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนเสร็จสิ้นโครงการปัจจุบันนิยมระบุ วัน-เดือน-ปี ที่เริ่มต้นและเสร็จสิ้น การระบุจำนวน ความยาวของโครงการเช่น 6 เดือน 2 ปี โดยไม่ระบุเวลาเริ่มต้น-สิ้นสุด เป็นการกำหนดระยะเวลาที่ไม่สมบูรณ์
8.งบประมาณ เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ ซึ่งควรจำแนกรายการค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจน งบประมาณอาจแยกออกได้เป็น 3 ประเภท คือ - เงินงบประมาณแผ่นดิน - เงินกู้และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ - เงินนอกงบประมาณอื่น ๆ เช่น เงินเอกชนหรือองค์การเอกชน เป็นต้น การระบุยอดงบประมาณ ควรระบุแหล่งที่มาของงบประมาณด้วย นอกจากนี้หัวข้อนี้สามารถระบุทรัพยากรอื่นที่ต้องการ เช่น คน วัสดุ ฯลฯ
9. เจ้าของโครงการหรือผู้รับผิดชอบโครงการ เป็นการระบุเพื่อให้ทราบว่าหน่วยงานใดเป็นเจ้าของหรือรับผิดชอบโครงการ โครงการย่อย ๆ บางโครงการระบุเป็นชื่อบุคคลผู้รับผิดชอบเป็นรายโครงการได้
10.หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน เป็นการให้แนวทางแก่ผู้อนุมัติและผู้ปฏิบัติว่าในการดำเนินการโครงการนั้น ควรจะประสานงานและขอความร่วมมือกับหน่วยงานใดบ้าง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
11.การประเมินผล บอกแนวทางว่าการติดตามประเมินผลควรทำอย่างไรในระยะเวลาใดและใช้วิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งผลของการประเมินสามารถนำมาพิจารณาประกอบการดำเนินการ เตรียมโครงการที่คล้ายคลึงหรือเกี่ยวข้องในเวลาต่อไป
12.ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เมื่อโครงการนั้นเสร็จสิ้นแล้ว จะเกิดผลอย่างไรบ้างใครเป็นผู้ได้รับเรื่องนี้สามารถเขียนทั้งผลประโยชน์โดยตรงและผลประโยชน์ในด้านผลกระทบของโครงการด้วยได้
ลักษณะโครงการที่ดี
โครงการที่ดีมีลักษณะดังนี้1. เป็นโครงการที่สามารถแก้ปัญหาของท้องถิ่นได้2. มีรายละเอียด เนื้อหาสาระครบถ้วน ชัดเจน และจำเพาะเจาะจง โดยสามารถตอบคำถามต่อไปนี้ได้คือ - โครงการอะไร = ชื่อโครงการ - ทำไมจึงต้องริเริ่มโครงการ = หลักการและเหตุผล - ทำเพื่ออะไร = วัตถุประสงค์ - ปริมาณที่จะทำเท่าไร = เป้าหมาย - ทำอย่างไร = วิธีดำเนินการ - จะทำเมื่อไร นานเท่าใด = ระยะเวลาดำเนินการ - ใช้ทรัพยากรเท่าไรและได้มาจากไหน = งบประมาณ แหล่งที่มา - ใครทำ = ผู้รับผิดชอบโครงการ - ต้องประสานงานกับใคร = หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน - บรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ = การประเมินผล - เมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้วจะได้อะไร = ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
3. รายละเอียดของโครงการดังกล่าว ต้องมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เช่น วัตถุประสงค์ต้องสอดคล้องกับหลักการและเหตุผล วิธีดำเนินการต้องเป็นทางที่ทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ฯลฯ เป็นต้น
4. โครงการที่ริเริ่มขึ้นมาต้องมีผลอย่างน้อยที่สุดอย่างใดอย่างหนึ่งในหัวข้อต่อไปนี้ - สนองตอบ สนับสนุนต่อนโยบายระดับจังหวัดหรือนโยบายส่วนรวมของประเทศ - ก่อให้เกิดการพัฒนาทั้งเฉพาะส่วนและการพัฒนาโดยส่วนรวมของประเทศ - แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตรงจุดตรงประเด็น
5. รายละเอียดในโครงการมีพอที่จะเป็นแนวทางให้ผู้อื่นอ่านแล้วเข้าใจ และสามารถดำเนินการตามโครงการได้
6. เป็นโครงการที่ปฏิบัติได้และสามารถติดตามและประเมินผลได้
ที่มา http://www.kiriwong.net/nakhonsawan/km5.htm

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

แมคโอเอสเท็น(Mac OS X )มาดู ประวัติ ของเขานะครับ

Mac OS X
ภาพแสดงหน้าจอ Mac OS X v.10.5
บริษัท/ผู้พัฒนา
แอปเปิล
ตระกูลโอเอส
ยูนิกซ์
โมเดลต้นฉบับ
Proprietary software/Closed source (บางส่วนเป็น ซอฟต์แวร์เสรี/โอเพนซอร์ส)
รุ่นเสถียรล่าสุด
10.5.8 / 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552 (2009-08-05); 29 วันก่อน
แพลตฟอร์มที่รองรับ
x86, x86-64, PowerPC (ทั้ง 32 และ 64 บิต) , ARMv6 (สำหรับ iPhone OS)
ชนิดเคอร์เนล
Hybrid
อินเทอร์เฟซพื้นฐาน
Aqua (GUI)
ลิขสิทธิ์
Proprietary EULA
สถานะ
ปัจจุบัน
เว็บไซต์
Apple - Mac OS X
แมคโอเอสเท็น[1] (อังกฤษ: Mac OS X) เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดในตระกูลแมคโอเอสสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2001 ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ แกนกลาง ดาร์วิน (Darwin) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทำงานแบบยูนิกซ์ที่เป็นโอเพนซอร์ส และส่วนติดต่อผู้ใช้แบบ อควา (Aqua) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของแอปเปิล คอมพิวเตอร์เอง
แอปเปิลยังได้สร้างแมคโอเอสเท็นรุ่นปรับปรุง เพื่อนำไปใช้ในอุปกรณ์ของแอปเปิล 3 ตัวได้แก่ แอปเปิลทีวี ไอโฟน และไอพอดทัช โดยที่ไอโฟน และไอพอดทัชนั้นจะใช้รุ่นของแมคโอเอสที่เรียกว่า iPhone OS ซึ่งระบบปฏิบัติการที่แก้ไขนี้จะมีแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ไดรเวอร์และส่วนประกอบอื่นที่ไม่จำเป็นจะถูกนำออกไป
เนื้อหา[ซ่อน]
1 ชื่อเรียก
2 แมคโอเอสเท็นรุ่นต่างๆ
2.1 Mac OS X 10.0 (Cheetah)
2.2 Mac OS X 10.1 (Puma)
2.3 Mac OS X 10.2 (Jaguar)
2.4 Mac OS X 10.3 (Panther)
2.5 Mac OS X 10.4 (Tiger)
2.6 Mac OS X 10.5 (Leopard)
2.7 Mac OS X 10.6 (Snow Leopard)
3 ภาษา
4 อ้างอิง
5 ดูเพิ่ม
//

[แก้] ชื่อเรียก
ตัวอักษร "X" หมายถึงเลขสิบในระบบโรมัน และอ่านออกเสียงว่า "เท็น" (Ten, แปลว่า "สิบ" ในภาษาอังกฤษ) แสดงถึงรุ่นที่ต่อมาจากแมคโอเอสตัวก่อนหน้าคือ แมคโอเอส 9 นอกจากนี้ตัวอักษร X ยังแสดงถึงความเป็นยูนิกซ์ (UNIX) ในตัวระบบปฏิบัติการด้วย
แอปเปิลเองได้มีวิธีการเรียกชื่อแมคโอเอสเท็นถึงสามวิธี
Mac OS X v10.4 บอกเฉพาะเลขรุ่น (หมายเหตุ: ต้องมีอักษร v ด้วยเสมอ)
Mac OS X Tiger บอกเฉพาะรหัสในการพัฒนา
Mac OS X v10.4 "Tiger" บอกทั้งเลขรุ่นและรหัสในการพัฒนา
สังเกตว่ารหัสในการพัฒนานั้นจะเป็นชื่อสัตว์ในตระกูลเสือทั้งหมด

[แก้] แมคโอเอสเท็นรุ่นต่างๆ

[แก้] Mac OS X 10.0 (Cheetah)
วางจำหน่าย 24 มีนาคม พ.ศ. 2544 ได้รับคำชมในเรื่องความเสถียรและความสามารถ แต่มีปัญหาในด้านความเร็วในการทำงาน ราคาจำหน่าย 129 ดอลลาร์

[แก้] Mac OS X 10.1 (Puma)
วางจำหน่าย 25 กันยายน พ.ศ. 2544 ไม่ได้วางจำหน่าย แต่แจกเป็นชุดอัพเกรดฟรีสำหรับ Cheetah เพิ่มความเร็วในการทำงาน และความสามารถอื่นๆ เช่น การเล่นดีวีดี

[แก้] Mac OS X 10.2 (Jaguar)
วางจำหน่าย 23 สิงหาคม พ.ศ. 2545 เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน หน้าตาแบบใหม่ และความสามารถ เช่น
สนับสนุนเครือข่ายที่เป็นไมโครซอฟท์วินโดวส์
iChat - อินสแตนท์ เมสเซจจริง
Apple Rendezvous - การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบอัตโนมัติ
CUPS (The Common Unix Printing System) - ระบบการพิมพ์'กลาง'ของระบบยูนิกซ์

[แก้] Mac OS X 10.3 (Panther)
วางจำหน่าย 24 ตุลาคม พ.ศ. 2546 พัฒนาความสามารถด้านอื่นเพิ่มขึ้น แต่หยุดสนับสนุนสถาปัตยกรรมแบบ G3 แล้ว ความสามารถเด่นมีดังนี้
Exposé - การแสดงหน้าต่างทำงานทั้งหมดในหน้าจอเดียว ทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าต่างทำงานได้อย่างรวดเร็ว
Fast User Switching
FileVault
เพิ่มการสนับสนุนสถาปัตยกรรม G5

[แก้] Mac OS X 10.4 (Tiger)
กำหนดวางจำหน่าย 29 เมษายน พ.ศ. 2548 ความสามารถเด่นมีดังนี้
Spotlight
Dashboard
QuickTime 7
Automator
Front row

[แก้] Mac OS X 10.5 (Leopard)
แมคโอเอสเทน เลเพิร์ด (มักเรียกผิดเป็น ลีโอพาร์ด) วางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มีความสามารถเด่นที่ประกาศแล้วดังนี้
Time Machine
Spaces
Core Animation
Quicklook
Stack
Finder ใหม่ที่รวม Cover Flow view เข้าไป
รองรับ 64-bit
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงแอปพลิเคชันที่มีอยู่เดิมอีกด้วย

[แก้] Mac OS X 10.6 (Snow Leopard)
แมคโอเอส สโนว์ เลเพิร์ด ได้วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552 มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติม ดังนี้
Dock Exposé
QuickTime X
Grand Central Dispatch
Safari 4
เขียนภาษาจีนโดยใช้ Trackpad ได้
ติดตั้งเร็วขึ้น 45%
ใช้พื้นที่น้อยลง 6GB
ที่มา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ขั้นตอน การเขียนโครงการ

ขั้นตอนในการเขียนโครงการ
1. ชื่อแผนงาน
2. ชื่อโครงการ
3. หลักการและเหตุผล
4. วัตถุประสงค์
5. เป้าหมาย
6. วิธีดำเนินการ
7. ระยะเวลาดำเนินการ
8. งบประมาณ
9. ผู้รับผิดชอบโครงการ
10. หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน
11. การประเมินผล
12. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

การวางแผน และ การเขียนโครงการ

ความหมายของการวางแผน
มีผู้ให้คำจำกัดความของการวางแผนไว้หลายลักษณะ เช่น การวางแผน คือ การมองอนาคต
การเล็งเห็นจุดดหมายที่ต้องการ การคาดปัญหาเหล่านั้นไว้ล่วงหน้าไว้อย่างถูกต้อง ตลอดจนการหาทาง
แก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านั้น

การวางแผน เป็นการใช้ความคิดมองจินตนาการตระเตรียมวิธีการต่างๆ เพื่อคัดเลือกทางที่ดี
ที่สุดทางหนึ่ง กำหนดเป้าหมายและวางหมายกำหนดการกระทำนั้น เพื่อให้สำเร็จลุล่วงไปตามจุดประสงค์
ที่ตั้งไว้

การวางแผน เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับการกำหนดสิ่งที่จะกระทำในอนาคต การประเมิน
ผลของสิ่งที่กำหนดว่าจะกระทำและกำหนดวิธีการที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติ
ถ้าจะกล่าวโดยสรุป การวางแผนก็คือการคิดการหรือกะการไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอะไร ทำไม
ทำที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และไครทำ

การวางแผนจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ
- อนาคต
- การตัดสินใจ
- การปฏิบัติ

ความสำคัญของการวางแผน
ถ้าจะเปรียบเทียบระบบการศึกษากับคน การวางแผนก็เปรียบเสมือนสมองของคน ซึ่งถ้ามอง
ในลักษณะนี้แล้ว การวางแผนก็มีความสำคัญไม่น้อยทีเดียว เพราะถ้าสมองไม่ทำงานส่วนอื่นๆของ
ร่างกาย เช่น แขน ขา ก็จะทำอะไรไม่ได้ หรือถ้าคนทำงานไม่ใช้สมอง คือทำงานแบบไม่มีหัวคิด
ก็ลองนึกภาพดูก็แล้วกันว่าจะเป็นอย่างไร คนทุกคนต้องใช้สมองจึงจะทำงานได้ ระบบการศึกษา
หรือการจัดการศึกษาก็่เช่นเดียวกัน ต้องมีการวางแผน คือ อย่างน้อยต้องมีความคิด การเตรียมการ
ว่าจะจัดการศึกษาเพื่ออะไร เพื่อใคร อย่างไร

การวางแผนมีประโยชน์ในหลายเรื่องด้วยกัน เช่น

1. การวางแผนเป็นเครื่องช่วยให้มีการตัดสินใจอย่างมีหลักเกณฑ์ เพราะได้มีการศึกษาสภาพเดิมใน
ปัจจุบันแล้ว กำหนดสภาพใหม่ในอนาคต ซึ่งได้แก่การตั้งวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมาย แล้วหาลู่ทาง
ที่จะทำให้สำเร็จตามที่มุ่งหวัง นักวางแผนมีหน้าที่จัดทำรายละเอียดของงานจัดลำดับความสำคัญ
พร้อมทั้งข้อเสนอแนะที่ควรจะเป็นต่างๆ เพื่อให้ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจพิจารณา

2. การวางแผนเป็นศูนย์กลางประสานงานเช่น ในการจัดการศึกษาเราสามารถใช้การวางแผนเพื่อ
ประสานงานการศึกษาทุกระดับและทุกสาขาให้สอดคล้องกันได้

3. การวางแผนทำให้การปฏิบัติงานต่างๆเป็นไปโดยประหยัดมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
เพราะการวางแผนเป็นการคิดและคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าและเสนอทางเลือกที่จะก่อให้เกิดผลที่ดีที่สุด

4. การวางแผนเป็นเครื่องมือในการควบคุมงานของนักบริหารเพื่อติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของฝ่าย
ต่างๆให้เป็นไปตามนโยบายและเป้าหมายที่ต้องการ

ประเภทของแผน

เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้น่าจะพูดถึงประเภทของแผนเสียเล็กน้อยเพื่อความเข้าใจลักษณะของแผน
แต่ละอย่าง ถ้าจะมองในแง่ของระยะเวลาอาจจะแบ่งแผนออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆดังนี้คือ

1. แผนพัฒนาระยะยาว (10 - 20 ปี) กำหนดเค้าโครงกว้างๆ ว่าประเทศชาติของเราจะมีทิศทางพัฒนาไป
อย่างไร ถ้าจะดึงเอารัฐธรรมนูญ และ/หรือแผนการศึกษาแห่งชาติมาเป็นแผนประเภทนี้ก็พอถูไถไปได้
แต่ความจริงแผนพัฒนาระยะยาวของเราไม่มี

2. แผนพัฒนาระยะกลาง (4 - 6 ปี) แบ่งช่วงของการพัฒนาออกเป็น 4 ปี หรือ 5 ปี หรือ 6 ปี โดยคาดคะเน
ว่าในช่วง 4 - 6 ปี นี้ จะทำอะไรกันบ้าง จะมีโครงการพัฒนาอะไร จะงบประมาณใช้ทรัพยากรมากน้อย
เพียงไร แผนดังกล่าวได้แก่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั่นเองในส่วนของการศึกษาก็มีแผน
พัฒนาการศึกษาแห่งชาติ(ไม่ใช่แผนการศึกษาแห่งชาติ)ในเรื่องของการเกษตรก็มีแผนพัฒนาเกษตร
เป็นต้น

3. แผนพัฒนาประจำปี (1 ปี) ความจริงในการจัดทำแผนพัฒนาระยะกลาง เช่น แผนพัฒนาการศึกษา
ได้มีการหนดรายละเอียดไว้เป็นรายปีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากการจัดทำแผนพัฒนาระยะกลางได้จัดทำไว้
ล่วงหน้า ข้อมูลหรือความต้องการที่เขียนไว้อาจไม่สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงในปัจจุบัน จึงต้องจัด
ทำแผนพัฒนาประจำปีขึ้น นอกจากนั้น วิธีการงบประมาณของเราไม่ใช้แผนพัฒนาระยะกลางขอตั้งงบ
ประมาณประจำปี เพราะมีรายละเอียดน้อยไป แต่จะต้องใช้แผนพัฒนาประจำปี เป็นแผนขอเงิน

4. แผนปฏิบัติการประจำปี (1 ปี) ในการขอตั้งงบประมาณตามแผนพัฒนาประจำปีในข้อ 3 ปกติมักไม่ได้
ตามที่กระทรวง ทบวง กรมต่างๆขอไป สำนักงบประมาณหรือคณะกรรมาธิการของรัฐสภามักจะตัดยอด
เงินงบประมาณที่ส่วนราชการต่างๆขอไปตามความเหมาะสมและจำเป็นและสภาวการณ์การเงินงบ
ประมาณของประเทศที่จะพึงมีภายหลังทีส่วนราชการต่างๆ ได้รับงบประมาณจริงๆแล้ว จำเป็นที่จะต้อง
ปรับแผนพัฒนาประจำปีที่จัดทำขึ้นเพื่อขอเงินให้สอดคล้องกับเงินที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งเรียกว่าแผนปฏิบัติ
การประจำปีขึ้น

ความหมายของโครงการ

พจนานกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคำโครงการว่า หมายถึง
"แผนหรือเค้าโครงการตามที่กะกำหนดไว้"โครงการเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งในการวางแผนพัฒนาซึ่ง
ช่วยให้เห็นภาพ และทิศทางการพัฒนา ขอบเขตของการที่สามารถติดตามและประเมินผลได้
โครงการเกิดจากลักษณะความพยายามที่จะจัดกิจกรรม หรือดำเนินการให้บรรจุวัตถุประสงค์
เพื่อบรรเทาหรือลดหรือขจัดปัญหา และความต้องการทั้งในสภาวการณ์ปัจจุบันและอนาคต
โครงการโดยทั้วไป สามารถแยกได้หลายประเภท เช่น โครงการเพื่อสนองความต้องการ โครงการ
พัฒนาทั่วๆไป โครงการตามนโยบายเร่งด่วน เป็นต้น

องค์ประกอบของโครงการ

องค์ประกอบพื้นฐานในโครงการแต่ละโครงการนั้นควรจะมีดังนี้
1.ชื่อแผนงาน เป็นการกำหนดชื่อให้ครอบคลุมโครงการเดียวหรือหลายโครงการที่มีลักษณะงานไปในทิศ
ทางเดียวกันเพื่อแก้ไขปัญหาหรือสนองวัตถุประสงค์หลักที่กำหนดไว้

2.ชื่อโครงการ ให้ระบุชื่อโครงการตามความเหมาะสม มีความหมายชัดเจนและเรียกเหมือนเดิมทุกครั้ง
จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ

3.หลักการและเหตุผล ใช้ชี้แจงรายละเอียดของปัญหาและความจำเป็นที่เกิดขึ้นที่จะต้องแก้ไข ตลอดจน
ชี้แจงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินงานตามโครงการและหากเป็นโครงการที่จะดำเนินการ
ตามนโยบาย หรือสอดคล้องกับแผนจังหวัดหรือแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือแผน
อื่น ๆ ก็ควรชี้แจงด้วย ทั้งนี้ผู้เขียนโครงการ

บางท่านอาจจะเพิ่มเติมข้อความว่าถ้าไม่ทำโครงการดังกล่าวผลเสียหายโดยตรง หรือผลเสียหาย
ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร เพื่อให้ผู้อนุมัติโครงการได้เห็นประโยชน์ของโครงการกว้างขวางขึ้น

4.วัตถุประสงค์ เป็นการบอกให้ทราบว่า การดำเนินงานตามโครงการนั้นมีความต้องการให้อะไรเกิดขึ้น
วัตถุประสงค์ที่ควรจะระบุไว้ควรเป็นวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ปฏิบัติได้และวัดและประเมินผลได้ ในระยะ
หลัง ๆ นี้นักเขียนโครงการที่มีผู้นิยมชมชอบมักจะเขียนวัตถุประสงค์เป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
คือเขียนให้เป็นรูปธรรมมากกว่าเขียนเป็นนามธรรม การทำโครงการหนึ่ง ๆ อาจจะมีวัตถุประสงค์
มากกว่า 1 ข้อได้ แต่ทั้งนี้การเขียนวัตถุประสงค์ไว้มาก ๆ อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติมองไม่ชัดเจน และอาจ
จะดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ไม่ได้ ดังนั้นจึงนิยมเขียนวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน-ปฏิบัติได้-วัดได้
เพียง 1-3 ข้อ

5.เป้าหมาย ให้ระบุว่าจะดำเนินการสิ่งใด โดยพยายามแสดงให้ปรากฏเป็นรูปตัวเลขหรือจำนวนที่จะทำได้
ภายในระยะเวลาที่กำหนด การระบุเป้าหมาย ระบุเป็นประเภทลักษณะและปริมาณ ให้สอดคล้องกับวัตถุ
ประสงค์และความสามารถในการทำงานของผู้รับผิดชอบโครงการ

6.วิธีดำเนินการหรือกิจกรรมหรือขั้นตอนการดำเนินงาน คืองานหรือภารกิจซึ่งจะต้องปฏิบัติในการ
ดำเนินโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ในระยะการเตรียมโครงการจะรวบรวมกิจกรรมทุกอย่างไว้แล้ว
นำมาจัดลำดับว่าควรจะทำสิ่งใดก่อน-หลัง หรือพร้อม ๆ กัน แล้วเขียนไว้ตามลำดับ จนถึงขั้นตอนสุด
ท้ายที่ทำให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์

7.ระยะเวลาการดำเนินงานโครงการ คือการระบุระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนเสร็จสิ้นโครงการ
ปัจจุบันนิยมระบุ วัน-เดือน-ปี ที่เริ่มต้นและเสร็จสิ้น การระบุจำนวน ความยาวของโครงการเช่น 6 เดือน
2 ปี โดยไม่ระบุเวลาเริ่มต้น-สิ้นสุด เป็นการกำหนดระยะเวลาที่ไม่สมบูรณ์

8.งบประมาณ เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ ซึ่งควรจำแนกรายการค่าใช้จ่ายได้อย่าง
ชัดเจน งบประมาณอาจแยกออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
- เงินงบประมาณแผ่นดิน
- เงินกู้และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
- เงินนอกงบประมาณอื่น ๆ เช่น เงินเอกชนหรือองค์การเอกชน เป็นต้น
การระบุยอดงบประมาณ ควรระบุแหล่งที่มาของงบประมาณด้วย นอกจากนี้หัวข้อนี้สามารถระบุ
ทรัพยากรอื่นที่ต้องการ เช่น คน วัสดุ ฯลฯ

9. เจ้าของโครงการหรือผู้รับผิดชอบโครงการ เป็นการระบุเพื่อให้ทราบว่าหน่วยงานใดเป็นเจ้าของ
หรือรับผิดชอบโครงการ โครงการย่อย ๆ บางโครงการระบุเป็นชื่อบุคคลผู้รับผิดชอบเป็นรายโครงการได้

10.หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน เป็นการให้แนวทางแก่ผู้อนุมัติและผู้ปฏิบัติว่าในการดำเนินการโครงการ
นั้น ควรจะประสานงานและขอความร่วมมือกับหน่วยงานใดบ้าง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

11.การประเมินผล บอกแนวทางว่าการติดตามประเมินผลควรทำอย่างไรในระยะเวลาใดและใช้วิธีการ
อย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งผลของการประเมินสามารถนำมาพิจารณาประกอบการดำเนินการ เตรียม
โครงการที่คล้ายคลึงหรือเกี่ยวข้องในเวลาต่อไป

12.ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เมื่อโครงการนั้นเสร็จสิ้นแล้ว จะเกิดผลอย่างไรบ้างใครเป็นผู้ได้รับ
เรื่องนี้สามารถเขียนทั้งผลประโยชน์โดยตรงและผลประโยชน์ในด้านผลกระทบของโครงการด้วยได้

ลักษณะโครงการที่ดี

โครงการที่ดีมีลักษณะดังนี้
1. เป็นโครงการที่สามารถแก้ปัญหาของท้องถิ่นได้
2. มีรายละเอียด เนื้อหาสาระครบถ้วน ชัดเจน และจำเพาะเจาะจง โดยสามารถตอบคำถามต่อไปนี้ได้คือ
- โครงการอะไร = ชื่อโครงการ
- ทำไมจึงต้องริเริ่มโครงการ = หลักการและเหตุผล
- ทำเพื่ออะไร = วัตถุประสงค์
- ปริมาณที่จะทำเท่าไร = เป้าหมาย
- ทำอย่างไร = วิธีดำเนินการ
- จะทำเมื่อไร นานเท่าใด = ระยะเวลาดำเนินการ
- ใช้ทรัพยากรเท่าไรและได้มาจากไหน = งบประมาณ แหล่งที่มา
- ใครทำ = ผู้รับผิดชอบโครงการ
- ต้องประสานงานกับใคร = หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน
- บรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ = การประเมินผล
- เมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้วจะได้อะไร = ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

3. รายละเอียดของโครงการดังกล่าว ต้องมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เช่น วัตถุประสงค์ต้องสอดคล้อง
กับหลักการและเหตุผล วิธีดำเนินการต้องเป็นทางที่ทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ฯลฯ เป็นต้น

4. โครงการที่ริเริ่มขึ้นมาต้องมีผลอย่างน้อยที่สุดอย่างใดอย่างหนึ่งในหัวข้อต่อไปนี้
- สนองตอบ สนับสนุนต่อนโยบายระดับจังหวัดหรือนโยบายส่วนรวมของประเทศ
- ก่อให้เกิดการพัฒนาทั้งเฉพาะส่วนและการพัฒนาโดยส่วนรวมของประเทศ
- แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตรงจุดตรงประเด็น

5. รายละเอียดในโครงการมีพอที่จะเป็นแนวทางให้ผู้อื่นอ่านแล้วเข้าใจ และสามารถดำเนินการตาม
โครงการได้

6. เป็นโครงการที่ปฏิบัติได้และสามารถติดตามและประเมินผลได้

วิธีแก้ปัญหา หา เบื่องานประจำ!!!!

ภาพไม่ขึ้นนะครับ 5555
by xpnet

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

Google Chrome OS เป็น OS ใหม่จาก Google กำลังจะมา

ไม่รู้หลุดมาจากที่ไหนเลยเอามาฝ าก OS ของ Google ที่มีชื่อว่า Google Chrome OS ไม่แน่ว่าจะใช้ชื่อนี้หรือ

เปล่า ถ้าชื่อนี้คงจะยาวไปเดี๋ยวผมตั้ งให้เป็น Gos 1 แล้วกันสั้นดี 5555

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

ดูยอดเงินกู้ กยศ ยอดต้องจ่ายปีนี้ และค่าปรับ



ใครกู้เงินเรียน แบบผมก็อย่าลืม จ่ายนะครับ รุ่นน้องเขารออยู่ครับ เขาไป เช็ดดูยอดเงินกู้ จาก กยศ ว่ากู้มาเท่าไร กำหนดวันชำระ และถ้าใคยังไม้ได้จ่ายก็ต้องเสียค่า ปรับเท่าไรก็เข้าไปดูได้ที่ https://www.e-studentloan.ktb.co.th/STUDENT/ESLLogin.do ใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน และก็วันเดือนปีเกิด

แค่นี้ก็ดูข้อมูลได้แล้ว  Update 20/9/2016