วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

งานวิจัย การศึกษาไทย มหาวิทยาลัย

ระบบการศึกษาไดตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลและสารสนเทศที่เป็นปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยไดสนับ สนุนให้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา เพื่อเสริมประสิทธิภาพ ในการผลิต การจัดเก็บ การให้บริการ และแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศ มาใช้ในการกำหนด นโยบาย การวางแผนพัฒนาการศึกษา การบริหารการศึกษา และการจัด การศึกษา ให้เป็นระบบมี รูปแบบ และมีมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยี ในการเรียนการสอนในทุกระดับ การศึกษา โดยกำหนดแนวทางให้หน่วยงานทางการศึกษาทุกสังกัด พัฒนาระบบข้อมูลอย่างเป็นระบบสามารถเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกันกับแหล่ง การเรียนรูต่างๆ ด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน ครู อาจารย์ และประชาชน ทั่วไปสามารถใช้บริการข่าวสารข้อมูลไดอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว

และยังไมมีการนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดระบบข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ถูกต้องและทันต่อเหตุการณอันเป็นผลให้การบริหารงานของหน่วยงานลดประสิทธิภาพลงประกอบกับไดมีการจัดสรรครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ ให้แกโรงเรียน ประถมศึกษามากขึ้นทั้งเพิ่งการเรียนการสอนและเพื่อใช้ในการบริหารต่อไป ดังนั้นผู้วิจัยในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษาระดับจังหวัด มีความต้องการที่จะพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยใช้เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์เพื่อให้การบริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงาน การประถมศึกษาจังหวัดมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่สมบูรณถูกต้อง รวดเร็ว ทันสมัยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงไดจัดทำวิจัยเรื่องนี้ขึ้น

จากผลการบริหารโรงเรียนตามแนวปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมา ระบบข้อมูลไมสามารถสนองตอบความต้องการของผู้รับบริการ ข้อมูลและสารสนเทศของโรงเรียนขาดความสมบูรณในเรื่องความถูกต้อง ความครอบคลุม ความทันสมัย และสะดวกต่อการนำไปใช้ และขาดการนำข้อมูลสารสนเทศ ไปใช้ในการวางแผนและตัดสินใจ และสภาพความเป็นจริงในขณะนั้น การจัดเก็บข้อมูล และการนำข้อมูลไปใช้ ของโรงเรียนในสังกัด ยังไมมีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ส่วนมากจัดเก็บเป็นเอกสาร ไมสะดวกในการนำไปใช้

เนื่องจากการวิจัยครั้งนี้ ไดพัฒนาระบบสารสนเทศโดยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความรูความ สามารถพิเศษของผู้ปฏิบัติและนำไปใช้ จึงเห็นควรดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบหรือโครงสร้างของโปรแกรมระบบ สารสนเทศในลักษณะอื่นที่น่าสนใจ สามารถนำเสนอผลไดหลากหลายรูปแบบและประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชนและความสำเร็จในการบริหารงานในสถานศึกษามากยิ่งขึ้น

ควรจัดเตรียมและพัฒนาบุคลากรสายงานการสอนทุกคนที่เกี่ยวข้องในโรงเรียน ที่จะนำโปรแกรมระบบสารสนเทศไปใช้ ให้มีความรูและ ทักษะการใช้โปรแกรมดังกล่าว โดยเฉพาะการจัดเตรียมข้อมูลนักเรียนแต่ละรายการ การบันทึกข้อมูลนักเรียนลงในโปรแกรม ตลอดจนการประมวลผลข้อมูล และการนำสารสนเทศไปใช้ในการแกปัญหาและพัฒนางานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: